Tag: ลดความอ้วน

แนวทางวิ่งเพื่อลดอ้วน

ท่องไว้เสมอว่าเมื่อใดก็ตามบริหารร่างกาย คุณควรต้องอบอุ่นร่างกาย ยืดเอ็นรวมทั้งกล้ามเนื้อ แล้วทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นเสียก่อนเสมอ เพื่อร่างกายพร้อมที่จะเคลื่อนเร็วแล้วก็คุ้มครองป้องกันอาการเจ็บที่อาจเกิดขึ้นระหว่างที่ออกกำลังกาย สำหรับจะวิ่งน่าจะเน้นย้ำวอร์มอัพที่บริเวณต้นขาแล้วก็ตามข้อต่างโดยใช้วิธีเหยียดขาให้ตรง หมุนข้อเท้า เข่าและก็โพกไปมา

1

วิ่งช้าสลับวิ่งเร็ว

สิ่งที่คนไม่ใช่น้อยสงสัยมานานว่า วิ่งช้ากับวิ่งเร็ว แบบไหนช่วยลดความอ้วนได้ดีกว่า จริงแล้วการวิ่งทั้งสองแบบจะมีข้อดีและข้อเสียที่ไม่เหมือนกัน การวิ่งเร็วจะก่อให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานและก็ไกลโคเจนที่สะสมอยู่ในร่างกายได้ดียิ่งไปกว่า แถมภายหลังจากวิ่งเสร็จร่างกายจะยังเผาผลาญพลังงานถัดไปอีกหลายชั่วโมงอีกด้วย พิจารณาได้จากเวลาเลิกวิ่งแล้วจะรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นเวลานานกว่าปกตินั่นเอง ส่วนจุดอ่อนคือการวิ่งเร็วอาจจะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย แล้วก็หากเผาผลาญมากจนเกินความจำเป็นร่างกายก็จะดึงโปรตีนมาใช้แทน แล้วก็ การวิ่งช้าแม้กระนั้นใช้เวลานานจะช่วยสลายไขมันภายในร่างกายได้ดีมากยิ่งกว่า ช่วยเพิ่มความอึดได้ดีและไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการเจ็บ ส่วนข้อตำหนิเป็นการวิ่งช้าจำเป็นต้องวิ่งสม่ำเสมออย่างต่ำ 45 นาทีขึ้นไป เนื่องจากเมื่อไรที่หยุดวิ่งระบบเผาผลาญจะหยุดดำเนินการทันที ดังนั้นจะต้องวิ่งให้สม่ำเสมอในระยะเวลานานเพื่อให้ระบบสลายไขมันได้ทำงานอย่างเต็มสมรรถนะ สำหรับต้องการวิ่งเพื่อลดน้ำหนักแล้ว การวิ่งช้าสลับกับวิ่งเร็วคือหนทางที่เยี่ยมที่สุด โดยชี้แนะให้เริ่มวิ่งช้าแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยเพิ่มความเร็วขึ้น วิ่งในความเร็วสุดกำลังสม่ำเสมอตรงเวลา 30 วินาที แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยผ่อนลง เปลี่ยนมาวิ่งช้าหรือเดินเร็วเป็นเวลา 90 วินาที เมื่อพร้อมแล้วก็เพิ่มความเร็วใหม่อีกที อย่างนี้จะช่วยให้ร่างกายสลายไขมัน คาร์โบไฮเดรตและก็ไกลโคเจนได้พร้อมกันแล้วก็มีประสิทธิภาพมากมายทั้งยังยังช่วยลดการเสี่ยงที่จะเกิดอาการบาดเจ็บและไม่ทำให้เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างยิ่งจนถึงเหลือเกินอีกด้วย

วิ่งหลังตรงพร้อมแกว่งแขน เวลาวิ่งคนจำนวนมากชอบติดโน้มตัวไปด้านหน้าหรือไม่ก็เอนไปข้างหลัง ทั้งยังบางคนยังถูกใจเก็บแขนแอบชิดลำตัวไว้อีกด้วย ซึ่งนั้นเป็นท่าการวิ่งที่มองเกร็งและไม่เป็นธรรมชาติ ทำให้มีความรู้สึกเมื่อยล้าแล้วก็เหนื่อยง่าย ทางที่ดีควรจะวิ่งหลังตรงและแกว่งแขนไปๆมาๆ เพื่อให้ร่างกายเคลื่อนได้เป็นธรรมชาติเยอะที่สุด จะได้หายใจสะดวกและก็วิ่งได้ยาวนานมากเพิ่มขึ้น

พักฟื้นให้เต็มกำลัง

ภายหลังจากวิ่งด้วยความเร็วจนถึงครบเวลาตามที่ได้มีการกำหนดแล้ว ต่อไปก็จะเข้าสู่ช่วงเบาแรงแล้ววิ่งช้าเป็นเวลา 90 วินาทีเพื่อร่างกายได้พักฟื้น ซึ่งคุณควรที่จะใช้เวลาพวกนั้นให้สุดกำลังที่สุด แม้คุณจะพร้อมวิ่งใหม่อีกทีภายหลังพักไปได้ไม่กี่นาทีก็ตาม เนื่องจากว่าแม้เร่งรีบเกินความจำเป็นอาจจะเป็นผลให้กำเนิดอาการเจ็บหรือหายใจไม่ทัน นำมาซึ่งการทำให้วิ่งคราวถัดไปได้ไม่เต็มกำลัง ซึ่งอาจก่อให้เผาผลาญพลังงานแล้วก็ไขมันได้ไม่เต็มความสามารถ เพิ่มความท้า ในทีแรกๆคุณอาจจะเริ่มวิ่งด้วยความเร็วราวๆ 50 % ของความเร็วสูงสุด ซึ่งเพียงพอทำต่อเนื่องกันครู่หนึ่งร่างกายจะเริ่มเคยชินกับความเร็วเหมือนเดิม ทำให้ท่านอึดขึ้นคุณไม่ทราบสึกอ่อนล้าซักเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้คุณควรต้องเพิ่มอัตราความเร็วในคราวถัดไปเป็น 60 – 70 % เป็นลำดับ แต่ว่ายังวิ่งในระยะเวลาเหมือนเดิม